เพื่อนๆ
บางคนอาจไม่คุ้นเคยหรือคุ้นเคยกับชื่อ พระพยอม กัลยาโณ แห่งวัดสวนแก้วเป็นแน่
(ปัจจุบัน ดร.พระพยอม กัลยาโณ หรือพระราชธรรมนิเทศ)
ท่านเคยเทศน์ให้ญาติโยมฟังเรื่องสติของคน
คนเราต้องมีสติสัมปชัญญะในทุกๆ
เรื่อง มิฉะนั้นอาจจะพลั้งพลาด ทำขายหน้าตัวเองได้ง่ายๆ
ท่านยกตัวอย่างแม่ครัวคนหนึ่ง ซึ่งมีหน้าที่ปรุงอาหารเลี้ยงพระและก็เลี้ยงคนในงานบวช
งานนี้เป็นงานใหญ่ เพราะเจ้าภาพเป็นคนมีชื่อเสียง
มีคนมาช่วยงานเยอะ
มีโยมหญิงผู้หนึ่งแก่แล้วมาช่วยงาน
โดยมีหลานเล็กๆ คนหนึ่งติดตามมาด้วย
โยมหญิงไปที่ไหน ทำอะไรหลานเกาะแจไม่ยอมห่างยังกะลูกแหง่ว่างั้นเถอะ
บางครั้งโยมแกหงุดหงิด
ทนไม่ไหวก็ตวาดออกมาเสียงดัง ไล่ตะเพิดให้ไปนั่งเล่นกับเพื่อนๆ รุ่นเดียวกันที่มาในงาน
หลานก็เชื่อ
หายไปได้สักประเดี๋ยวก็กลับมาอีก
เป็นช่วงระยะที่โยมหญิงกำลังถือถาดขนม
กลิ่นหอมฉุยจะไปวางไว้ที่หน้าพระสงฆ์ เพื่อให้เจ้าภาพที่กำลังประเคนถวายอาหารอยู่ยังไม่เสร็จ
ขณะผ่านแขกเหรื่อที่มาในงาน
หลานมันเห็นขนมดีๆ ก็คงนึกอยากกินเอามากๆ
จึงเกาะแข้งเกาะขายายแล้วพูดว่า
“ยายกินหนม ยายกินหนม...”
โยมหญิงผู้นั้น
ก็ตวาดออกมาด้วยถ้อยคำอันหยาบคายเพราะเหลืออดเหมือนคนไม่มีเศียรของพระธรรมสวมอยู่ในหัวใจว่า
“เดี๋ยวมึงค่อยแดก
ให้พระฉันก่อน...”
หลานก็เงียบไปได้
เดินมาใกล้เวทีที่นั่งของพระสงฆ์
หลานก็ร้องขึ้นมาอีกว่า
“ยายกินหนม ยายกินหนม”
คราวนี้ยายตวาดหลานอย่างขาดสติกว่าเก่า
ทั้งพระทั้งโยมแขกเหรื่อที่นั่งกันอยู่จำนวน
ได้ยินเสียงตวาดของยายก้องไปทั้งสองหู
“เดี๋ยวมึงค่อยฉัน
ให้พระแดกก่อน...”