วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553

07 ใช้สตินำทางเพื่อหาทางหลุดพ้น



พุทธทาสภิกขุได้กล่าวไว้

สติกับสัมปชัญญะนั้นเป็นของคู่แฝดกัน สติคือความระลึกได้
สัมปชัญญะคือความรู้ตัว คือรักษษความระลึกได้นั้นให้ยังคงอยู่
ดังนั้นถ้าเรามีสติสัมปชัญญะแล้ว จะไม่ทำอะไรผิดพลาด

ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมในปัจจุบัน ทำได้ทั้งวันเช่น กำลังล้างจานข้าว
ก็ให้จิตมันอยู่ตรงที่ปลายนิ้วมันถูกจาน จิตกำหนดตรงนั้นจนกว่าจะ
ล้างจานเสร็จ

หรือเวลาล้างหม้อ ล้างกระทะก็ในทำนองเดียวกันหรือกวาดพื้นอยู่
จิตก็กำหนดที่ปลายไม้กวาดกับพื้น อย่าได้แวบไปทางอื่นซึ่งไม่เกี่ยว
กับการกวาดพื้น หรือล้างจาน หรือล้างหม้อล้างกระทะ

กล่าวอีกนัยหนึ่ง สตินี้ทำได้ทุกอย่างทุกเรื่องของการงานที่มนุษย์
ต้องทำ และทุกอิริยาบทที่ ยืน เดิน นั่ง นอน อานิสงส์แห่งสตินี้คือ
ถ้ามีในบุคคลใดก็ตาม เขาเหล่านั้นย่อมได้รางวัลจากธรรมชาติมหาศาล

จากหนังสือพระไตรปิฎก เคยมีคนถามพระพุทธเจ้าว่า
พระองค์และสาวก วันหนึ่งๆ ทำอะไรบ้าง ?
พระพุทธเจ้าตรัสตอบว่า
ยืน เดิน นั่ง นอน คู้เหยียด เคลื่อนไหว
คนถามก็แปลกใจคิดว่า ทำไมหนอพระพุทธเจ้ากับพระสาวก
ซึ่งได้รับการยกย่องว่า เลิศกว่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
กลับทำอะไรเหมือนคนปกติธรรมดา

พระพุทธเจ้าจึงตรัสขยายความว่า
มันไม่เหมือนกัน เพราะพระองค์เวลายืนก็รู้ว่ายืน เดินก็รู้ว่าเดิน
นั่งก็รู้ว่านั่ง นอนก็รู้ว่านอน คู้เหยียดเคลื่อนไหวก็รู้ว่าคู้เหยียด
เคลื่อนไหว นี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดา เพราะคนปกติธรรมดาไม่ได้
มีสติรู้อิริยาบทเหล่านั้นอย่างแจ่มชัด

สติจึงเป็นเรื่อที่ทุกคนต้องฝึกไว้เสมอ
เพื่อให้ความทุกข์ในชีวิตของเราลดลง

ชนะ เวชกุล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น