ผมมีคำถามอยู่ในใจ
ผลของบาปและบุญที่เกิดขึ้นแล้วนั้น มันไปอยู่ที่ไหน
มีคำคนสมัยก่อนกล่าวไว้ สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ
เป็นคำสัตย์จริงหรือไม่เพียงไร
มีคำคนสมัยก่อนกล่าวไว้ สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ
เป็นคำสัตย์จริงหรือไม่เพียงไร
ผมหาคำตอบอยู่นานกว่าจะได้พบ
อาจารย์บุญมี เมธางกูร กล่าวไว้ในหนังสือ ความมหัศจรรย์ของจิต
ความโดยสรุป...
บุญคือความดี บาปคือความชั่ว การทำบุญหรือให้ทาน
ผลก็คือทำให้ผู้บริจาคได้รับความอิ่มเอิบ ปลาบปลื้มใจ
ได้รับความสุข บาปก็โดยทำนองตรงกันข้าม
คือได้รับความขุ่นมัวในใจ หรือความทุกข์
ผลก็คือทำให้ผู้บริจาคได้รับความอิ่มเอิบ ปลาบปลื้มใจ
ได้รับความสุข บาปก็โดยทำนองตรงกันข้าม
คือได้รับความขุ่นมัวในใจ หรือความทุกข์
ทีนี้เมื่อรับผลแล้วก็ไปเก็บไว้ในจิตของบุคคลนั้น
ในขณะเดียวกันจิตของบุคคลนั้นยังสามารถแสดงผลของ
การกระทำที่จิตเก็บเอาไว้ได้ ต่อเมื่อมีเหตุปัจจัยมันก็แสดงออกมา
ในขณะเดียวกันจิตของบุคคลนั้นยังสามารถแสดงผลของ
การกระทำที่จิตเก็บเอาไว้ได้ ต่อเมื่อมีเหตุปัจจัยมันก็แสดงออกมา
ตัวอย่างเช่น บางเรื่องราวเราลืมมาหลายปีแล้ว เพิ่งมานึกคิดขึ้นได้
หรือวันนี้เราพบคนๆ หนึ่ง จำไม่ได้เลย แต่ดูเหมือนเคยรู้จัก
ครั้นกลับไปถึงบ้าน คิดทบทวนอย่างไรก็นึกไม่ออก
หรือวันนี้เราพบคนๆ หนึ่ง จำไม่ได้เลย แต่ดูเหมือนเคยรู้จัก
ครั้นกลับไปถึงบ้าน คิดทบทวนอย่างไรก็นึกไม่ออก
ต่อมาอีกหลายวันตาของเราไปพบรูปถ่ายของเพื่อนอีกคนหนึ่งเข้า
ก็เลยโยงไปให้นึกถึงคนที่พบเมื่อวันนั้นขึ้นมาได้ว่าคือผู้ใด
มีความสำคัญกับใคร อย่างไร บุญหรือบาปนั้นก็เหมือนกัน
ก็เลยโยงไปให้นึกถึงคนที่พบเมื่อวันนั้นขึ้นมาได้ว่าคือผู้ใด
มีความสำคัญกับใคร อย่างไร บุญหรือบาปนั้นก็เหมือนกัน
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสเป็นภาษาบาลี
เจตะนาหัง ภิกขะเว กัมมัง วะทามิ
แปลความว่า
เจตนานั้นคือกรรมนั่นเอง และกรรมคือการกระทำทั้งหลายนั้น
มิได้สูญหายไปไหนเลย เมื่อได้โอกาสก็จะเกิดขึ้นได้เสมอ
เจตนานั้นคือกรรมนั่นเอง และกรรมคือการกระทำทั้งหลายนั้น
มิได้สูญหายไปไหนเลย เมื่อได้โอกาสก็จะเกิดขึ้นได้เสมอ
ชนะ เวชกุล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น